ปางตรัสรู้ (หรือปางสมาธิ) |
ลักษณะของพระพุทธรูป พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิราบพระหัตถ์ทั้งสองหงายวางซ้อนกันบนพระเพลา คือพระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย พระชงม์ขวาทับพระชงม์ซ้าย ประวัติความเป็นมา เมื่อพระมหาบุรุษบรมโพธิสัตว์ทรงกำจัดพญามาร และเสนามารให้ปราชัยด้วยพระบารมี ตั้งแต่เวลาสายันต์มิทันพระอาทิตย์จะอัสดงคต ก็ทรงเบิกบานพระทัยได้ปีติเป็นกำลังภายในสนับสนุนเพิ่มพูนแรงปฏิบัติสมาธิภาวนาให้ยิ่งขึ้น ดังนั้นพระองค์จึงมิได้ทรงพักให้เสียเวลา ทรงเจริญสมาธิภาวนาทำจิตให้ปราศจากอุปกิเลสจนจิตสุขุมเข้าโดยลำดับ ไม่ช้าก็ได้บรรลุปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน อันเป็นรูปสมบัติตามลำดับ ต่อจากนั้นก็ทรงเจริญฌานอันเป็นองค์ปัญญาชั้นสูง ๓ ประการ ยังองค์พระโพธิญาณให้เกิดขึ้นเป็นลำดับ ตามลำดับแห่งยามสามอันเป็นส่วนราตรีนั้น คือในปฐมยามทรงบรรลุบุพเพนิวาสานุสสติญาณ สามารถระลึกอดีตชาติที่พระองค์ทรงบังเกิดมาแล้วทั้งสิ้นได้ ในมัชฌิมยามทรงบรรลุจุตูปปาตญาณหรือทิพจักขุญาณ สามารถหยั่งรู้การเกิด การตาย ตลอดจนกานเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์ทั้งหลายอื่นได้หมด ในปัจฉิมยาม ทรงบรรลุอาสวักขยญาณ ทรงพระปรีชาสามารถทำอาสวกิเลสทั้งหลายให้หมดสิ้นไปด้วยปัญญาพิจารณาในปัจจยาการแห่งปฏิจจสมุปบาท โดยอนุโลมและปฏิโลมทั้งฝ่ายเกิดและฝ่ายดับสาวไปข้างหน้า และสาวกลับไปมา ก็ทรงบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเวลาปัจจุสสมัยรุ่งอรุโณทัยทรงเบิกบานพระฤทัยอย่างสูงสุดในการตรัสรู้อย่างที่ไม่เคยมีในกาลก่อน ถึงกับทรงเปล่งอุทานเย้ยตัณหาอันเป็นตัวการ ก่อให้เกิดสังสารวัฏฏทุกข์แก่พระองค์แต่อเนกชาติได้ว่า “อเนกชาติ สํสารํ” เป็นอาทิความว่า นับแต่ตถาคตท่องเที่ยวสืบเสาะหาตัวนายช่างเรือนคือ ตัวตัณหา ตลอดชาติอันจะนับประมาณมิได้ ก็มิได้พบพาน ดูกรตัณหานายช่างเรือนผู้สร้างภพชาติให้แก่เรา บัดนี้เราได้พบท่านแล้ว แต่นี้สืบไป ท่านจะทำเรือนให้ตถาคตอีกไม่ได้แล้ว กลอนเรือนเราก็ได้รื้อออกแล้ว ช่อฟ้าเราก็ได้ทำลายแล้ว จิตของเราปราศจากสังขารเครื่องปรุงแต่งให้เกิดในภพอื่นเสียแล้ว เราได้ถึงความดับสูญสิ้นไปแห่งตัณหา อันหาส่วนเหลือโดยประการใดๆมิได้เลย นขณะนั้น มหาอัศจรรย์ก็บังเกิดมีขึ้น กล่าวคือ พื้นมหาปฐพีอันกว้างใหญ่ก็หวั่นไหว พฤกษาชาติทั้งหลายก็ผลิดอกออกช่องามตระการตา เทพเจ้าทุกชั้นฟ้าก็แซ่ซ้องสาธุการโปรยปรายบุปผามาลัยทำการสักการบูชา เปล่งวาจาว่า พระสมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นแล้วในโลก ด้วยปีติยินดีเป็นอัศจรรย์ที่ไม่เคยมีมาในกาลก่อน เรื่องนี้ จึงเป็นมูลให้มีการสร้างพระพุทธรูป “ปางตรัสรู้” เพื่อเป็นพุทธานุสสติอนุสรณ์ฉะนี้แล |