ปางคันธารราฐ (หรือปางขอฝน)

   

ลักษณะพุทธรูป

     พระพุทธรูปปางนี้  อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ  ทรงผ้าอุทกสาฎก  พระหัตถ์ขวายกขึ้นเป็นกิริยากวัก  แสดงอาการขอฝน  พระหัตถ์ซ้ายหงายแบบรองรับน้ำฝนซึ่งวางอยู่บนพระเพลา  พระพุทธรูปปางนี้  นิยมเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  ปางคันธารราฐบ้างปางคันธาระบ้าง  เพราะพระพุทธรูปปางนี้สร้างขึ้นที่เมืองคันธาระเป็นครั้งแรก  เวลาประมาณ  พ.ศ. ๔๐๐  และผู้สร้างเป็นปฐมกษัตริย์คือพระเจ้ามิลินทราช  ผู้ครองเมืองคันธาระ  จึงนิยมเรียกพระพุทธรูปปางนี้ตามชื่อเมืองว่า  “ปางคันธาระ

ประวัติความเป็นมา

     สมัยหนึ่ง  พระพุทธองค์เสด็จประทับอยู่  ณ  พระเชตวันมหาวิหารในเมืองสาวัตถี  บังเอิญในเวลานั้นเขตแคว้นโกศลเกิดความแห้งแล้ง  ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล  หาน้ำใช้ยากน้ำในสระ  ในหนอง  ในคลองและบึงบ่อน้อยก็เหือดแห้งเพราะฝนไม่ตก  ประชาราษฎรลำบากด้วยน้ำมากที่สุด  แม้แต่สระใหญ่อันเป็นสระโบกขรณีภายในพระเชตวันมหาวิหาร  ซึ่งเป็นที่สำหรับพระสงฆ์  ตลอดจนคนผู้ที่สัญจรผ่านไปมาได้อาศัยอาบดื่มกินก็แห้งขอดติดก้นสระ  ฝูงปลาที่อาศัยอยู่ในสระนั้นก็ต้องเดือดร้อนมิใช่แต่อาศัยอยู่เท่านั้น  ยังต้องประสบภัยจากเหยี่ยวกา  และนกยางพากันมาโฉบจับกินเป็นอาหารอีกด้วย

        วันหนึ่ง  เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จกลับจากโปรดสัตว์ในเวลาเช้า  หลังจากทำภัตตกิจเสร็จแล้ว  ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นความลำบากของฝูงปลาเช่นนั้น  ก็ทรงพระกรุณาประสงค์จะอนุเคราะห์บำบัดทุกข์ร้อนของปลา  ตลอดผู้คนที่ตรงมาสระโบกขรณีโดยมุ่งหวังจะดื่มน้ำแล้ว  แต่กลับผิดหวังต้องกลับไปด้วยใบหน้าอันซีดเซียว  จึงรับสั่งเรียกผ้าชุบสรงจากพระอานนทเถระพุทธอุปัฏฐาก  พระอานนท์สงสัยจึงกราบทูลว่า  น้ำในสระโบกขรณีหน้าวัดแห้งจวนจะหมดแล้วพระพุทธเจ้าข้า  พระบรมศาสดาตรัสว่า  อานนท์  ไม่ใช่ตถาคตจะสรงน้ำในสระดอก  แต่จะสรงน้ำฝน  แม้พระอานนท์จะยังงงงวยในพระพุทธดำรัสอยู่  ด้วยไม่เห็นฟ้าฝนที่ไหน  ทั้งแสงแดดก็ยังกล้าปรากฏอยู่แก่ตาเช่นนั้น  แต่เมื่อเป็นพระกระแสรับสั่ง  ทั้งเชื่ออยู่ในอานุภาพของพระบารมี  จึงได้นำเอาผ้าชุบสรง (ผ้าอุทกสาฎก)  น้อมเข้าไปถวาย  พระบรมศาสดาทรงชุบสรง  ชายข้างหนึ่งทรงปกปิดพระวรกาย  ชายอีกข้างหนึ่งตวัดขึ้นพาดพระอังสะ (บ่า)  ลงมา  แล้วเสด็จไปประทับ  ณ  บันไดสระ  ยกพระหัตถ์ขวาขึ้นเรียกฝน  พระหัตถ์ซ้ายรองรับน้ำฝน  ในทันใดนั้น  ด้วยอานุภาพของพระพุทธองค์ซึ่งมีพระหฤทัยเมตตากรุณาต่อหมู่สัตว์ทั้งหลาย  มหาเมฆก็ตั้งเค้าขึ้นแล้วให้ฝนตกลงมาเป็นอันมากทั่วทิศานุทิศ  ให้พระพุทธองค์ได้สรงน้ำฝนสมพระวาจาที่รับสั่ง  และสมพระกรุณาที่จะอนุเคราะห์ฝูงปลา  เป็นเหตุอันน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก  ด้วยปรากฏว่า  น้ำฝนได้ทำให้ประชาราษฎร์ทั่วไปและสัตว์ที่ลำบากด้วยน้ำ  ปรารถนาน้ำฝนอยู่อย่างมาก  ก็ได้พึ่งพระพุทธบารมีได้ความสุขสำราญจากน้ำฝนโดยทั่วกัน

        พระพุทธจริยาตอนนี้  เป็นเหตุให้สร้างพระพุทธรูปที่เรียกว่า  “ปางคันธารราฐ” หรือ “ปางขอฝน