ปางทรงสุบิน |
ลักษณะของพระพุทธรูป พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถนอนตะแคงข้างขวา (สำเร็จสีหไสยา) พระหัตถ์ซ้ายทอดทาบไปตามพระวรกาย พระหัตถ์ขวาแนบกับพื้นยกหลังพระหัตถ์ขึ้นแนบพระหนุ(คาง) หลับพระเนตรแล้วงอพระหัตถ์แนบกับพระปราง พระเศียรหนุนพระเขนย เป็นกิริยาบรรทมหลับ ประวัติความเป็นมา เมื่อพระมหาบุรุษบรมโพธิสัตว์ผู้เป็นพุทธางกูร ทรงเลิกละทุกกรกิริยาเปลี่ยนมาทำความเพียรทางใจ ปัญจวัคคีย์ผู้เชื่อจารีตประเพณีคัมภีร์โหรก็สิ้นหวังพากันหลีกไป พระมหาบุรุษบรมโพธิสัตว์ก็หาได้คลายความเพียรทางใจไม่ การบำเพ็ญเพียรทางใจนั้น ได้เกิดอุปมาเปรียบเทียบ ๓ ข้อขึ้นแก่พระมหาบุรุษบรมโพธิสัตว์ ที่พระองค์ไม่เคยสดับและไม่เคยดำริมาก่อนเลย ด้วยพระปรีชาญาณของพระองค์อย่างแจ่มแจ้งว่า:- สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ซึ่งมีกายยังมิได้หลีกออกจากกาม ยังพอใจรักใคร่ในกามอยู่ ยังละกามไม่ได้ ยังสงบระงับใจไม่ได้ สมณพราหมณ์เหล่านั้นแม้จะพยายามทำความเพียรในทางปฏิบัติให้เข้มแข็งเสวย ทุกขเวทนาอันกล้าแสบ โดยทรมานกายเพียงใดก็ตาม ย่อมจะตรัสรู้ไม่ได้เหมือนไม้สดที่ชุ่มด้วยยาง บุคคลแช่ไว้ในน้ำอยู่ บุรุษมีความต้องการด้วยไฟมาถือเอาไม้นั้นไปสำหรับสีไฟ แม้บุรุษนั้นจะพยายามสีไฟด้วยไม้นั้นให้เกิดไฟ ด้วยหวังจะได้ไฟ บุรุษนั้นย่อมไม่อาจให้ไฟเกิดขึ้นได้ และย่อมจะไม่ได้ไฟเป็นแน่แท้ไฟจะไม่เกิดขึ้นเพราะการสีไฟนั้น ต้องเหน็ดเหนื่อยลำบากเปล่า เพราะไม้นั้นยังสดมียางอยู่แถมยังแช่ไว้ในน้ำอยู่ด้วย อีกข้อหนึ่ง สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง แม้มีกายหลีกออกจากกามแล้ว แต่ยังมีความพอใจรักใคร่ในกามยังละกามไม่ได้ ยังสงบระงับใจไม่ได้ สมณพราหมณ์เหล่านั้นแม้พยายามทำความเพียรในทางปฏิบัติเข้มแข็งจนได้เสวยทุกขเวทนาเช่นนั้นอันเกิดเพราะความเพียรนั้นเพียงใดก็ตาม ก็ย่อมจะตรัสรู้ไม่ได้ เหมือนไม้สดที่ชุ่มด้วยยาง แม้ห่างไกลจากน้ำคือไม่ได้แช่ไว้ในน้ำ บุคคลเอาตั้งไว้บนบก บุรุษผู้มีความต้องการไฟจึงเอาไม้สดที่มียางนั้นมาสีไฟ ก็ไม่สามารถทำให้เกิดไฟได้ ก็ย่อมจะไม่ได้ไฟเป็นแน่แท้ ด้วยไฟจะไม่เกิดขึ้นได้ ต้องเหน็ดเหนื่อยลำบากเปล่า เพราะไม้ยังสดอยู่และชุ่มด้วยยางด้วย อีกข้อหนึ่ง สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีกายออกจากกามแล้วและละความพอใจรักใคร่ในกามได้ ทำใจให้สงบระงับดีแล้ว เมื่อสมณพราหมณ์เหล่านั้น ได้พยายามทำความเพียรในทางปฏิบัติ จะได้เสวยทุกข์ทรมานหรือหาไม่ก็ตาม ก็ย่อมจะตรัสรู้ได้ เหมือนไม้แห้ง และอย่าห่างไกลจากน้ำคือที่บุคคลวางไว้บนบก บุรุษผู้มีความต้องการไฟเอาไม้นั้นมาสีไฟ ย่อมอาจสีให้เกิดไฟได้เป็นแน่แท้ เพราะไม้นั้นเป็นของแห้งทั้งอยู่บนบกอีกด้วย อุปมาทั้ง ๓ ข้อนี้ ได้เป็นกำลังสนับสนุนพระหฤทัยให้พระมหาบุรุษบรมโพธิสัตว์ผู้พุทธางกูร เจ้าทรงมั่นหมายในการทำความเพียรทางใจว่า จะเป็นทางให้พระองค์ได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยแน่แท้ ฝ่ายพวกปัญจวัคคีย์ ผู้มีความนิยมทุกกรกิริยา เลื่อมใสในลัทธิทรมานกายให้ลำบากว่า เป็นทางที่จะให้ตรัสรู้ได้ ครั้นเห็นพระมหาบุรุษบรมโพธิสัตว์ละความเพียรเวียนมา เพื่อความมักมากเสียแล้วเช่นนั้น ก็เกิดความเบื่อหน่ายในอันที่จะบำรุงอีกต่อไป ด้วยเห็นว่า พระองค์คงไม่สามารถบรรลุธรรมวิเศษอย่างใดอย่างหนึ่งแน่ จึงพากันหลีกหนีไปเสียจากที่นั้นไปอยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤทายวันเมืองพาราณสี พระมหาบุรุษบรมโพธิสัตว์ ได้ทรงบำเพ็ญเพียรทางใจมาด้วยดีตลอดเวลา จนถึงราตรีวันขึ้น ๑๔ค่ำเดือน ๖ เวลาบรรทมหลับ ทรงพระสุบินเป็นบุพพนิมิตมหามงคล ๕ ประการคือ ๑. ทรงพระสุบินว่า พระองค์ทรงผทมหงายเหนือพื้นปฐพี พระเศียรหนุนภูเขาหิมพานต์ พระหัตถ์ซ้ายหยั่งลงในมหาสมุทรในทิศตะวันออก พระหัตถ์ขวาและพระบาททั้งคู่หยั่งลงในมหาสมุทรทิศใต้ ๒. ทรงพระสุบินว่า หญ้าแพรกเส้นหนึ่งออกจากพระนาภี สูงขึ้นไปจนถึงท้องฟ้า ๓. ทรงพระสุบินว่า หมู่หนอนทั้งหลาย สีขาวบ้างดำบ้างเป็นอันมาก ไต่ขึ้นมาแต่พื้นพระบาททั้งคู่เต็มพระชงค์ และไต่ขึ้นมาจนถึงพระชานุมณฑล ๔. ทรงพระสุบินว่า ฝูงนก ๔ จำพวกมีสีต่างๆกัน คือ สีเหลือง สีขาว สีแดง สีดำ บินมาแต่ทิศทั้ง ๔ ลงมาจับแทบพระบาทแล้วก็กลับกลายเป็นสีขาวไปสิ้น ๕. ทรงพระสุบินว่า เสด็จขึ้นไปจงกลมบนยอดภูเขาอันเต็มไปด้วยอาจม แต่อาจมนั้นมิได้เปรอะเปื้อนพระยุคลบาท ในพระสุบินทั้ง ๕ ข้อ นั้นมีคำทำนายว่า ข้อที่ ๑. พระมหาบุรุษบรมโพธิสัตว์จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้เป็นเลิศในโลกทั้ง ๓ ข้อที่ ๒. พระมหาบุรุษบรมโพธิสัตว์จะได้ทรงประกาศสัจธรรม เผยมรรคผลนิพพานแก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งมวล ข้อที่ ๓. คฤหัสถ์ พราหมณ์ทั้งหลายจะเข้ามาสู่สำนักของพระองค์เป็นอันมาก ข้อที่ ๔. ชาวโลกทั้งหลาย คือ กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร เมื่อมาสู่สำนักพระองค์แล้วจะรู้ทั่วถึงธรรมอันบริสุทธิหมดจดผ่องใสไปทั้งสิ้น ข้อที่ ๕. ถึงแม่พระองค์จะสมบูรณ์ด้วยสักการวรามิสที่ชาวโลกทุกทิศน้อมถวายด้วยความเลื่อมใสก็มิได้มีพระทัยข้องอยู่ให้เป็นมลทินแม้แต่น้อย ครั้นพระมหาบุรุษบรมโพธิสัตว์ ตื่นบรรทมแล้ว ก็ทรงดำริถึงข้อความในพระมหาสุบินทั้ง ๕ นั้นแล้วทรงทำนายด้วยพระปรีชาญาณของพระองค์เองว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นแน่แท้ ก็ทรงเบิกบานพระทัย ครั้นได้ทรงทำสรีรกิจสะสรงพระวรกายหมดจดแล้ว ก็เสด็จมาประทับนั่งที่ร่มไม้นิโครธพฤกษ์ในยามเช้าแห่งวันเพ็ญวิสาขปุณณมีดิถีกลางเดือน ๖ ปีระกา |