พระพาหิยทารุจีริยะ

ผู้เป็นเอตทัคคะด้านตรัสรู้เร็วพลัน (ขิปปาภิญญา)

   พระพาหิยทารุจีริยะ เป็นบุตรกุฎุมพีในแคว้นพาหิยะ เมื่อเจริญวัยแล้ว ได้ประกอบอาชีพค้าขายทางเรือสำเภา ครั้งหนึ่งได้ไปค้าขายทางสุวรรณภูมิ เรือได้อัปปางลง ผู้คนทั้งหมดได้จมน้ำเสียชีวิต
   ท่านได้เกาะแผ่นกระดาน ได้พยายามแหวกว่ายไปขึ้นที่ท่าเรือชื่อ สุปารกะ ไม่มีผ้านุ่งผ้าห่มเหลือติดตัวอยู่เลย จึงเอาเปลือกไม้ใบไม้เย็บติดกันเข้าทำเป็นผ้านุ่งห่ม สำคัญตนว่าเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง
   ในกาลนั้น เทวดาได้ลงมาว่ากล่าวตักเตือนสติว่า ท่านไม่ใช่พระอรหันต์ ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้น จึงสำนึกตัวได้ จึงเข้าไปเฝ้าพระบรมศาสดา ได้สดับพระธรรมเทศนาที่พระองค์ทรงแสดงเพียงบทเดียวว่า “ดูก่อนพาหิยะ เพราะเหตุนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเห็นสักว่าเห็น เมื่อฟังสักว่าฟัง เมื่อทราบสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งสักว่ารู้แจ้ง” ท่านได้ส่งใจไปตามกระแสพระธรรม จึงได้บรรลุพระอรหันตผล พร้อมทั้งปฏิสัมภิทาทั้งหลาย
   แต่ในขณะที่ท่านกำลังแสวงหาบาตรและจีวรอยู่ นางยักษิณีตนหนึ่งจำแลงเพศเป็นแม่โควิ่งมาขวิดท่านจนนิพพานไม่ทันได้อุปสมบท พระบรมศาสดาทอดพระเนตรเห็นร่างของท่านพาหิยะ จึงรับสั่งให้ภิกษุจัดแจงทำฌาปนกิจ แล้วก่อพระสถูปบรรจุอัฐิไว้
   พระภิกษุทั้งหลายสงสัยต่อไปว่า พระบรมศาสดามิได้แสดงธรรมมากเลย แล้วพาหิยะบรรลุพระอรหันตผลได้อย่างไร
   พระบรมศาสดาตรัสว่า “ธรรมมากหรือน้อยไม่ใช่เหตุ ธรรมนั้นก็เหมือนยาแก้คนที่ดื่มยาพิษ” แล้วตรัสคาถาในธรรมบทว่า “ถ้าคาถาถึงพันคาถาที่ประกอบด้วยบทอันไม่เป็นประโยชน์ ก็ประเสริฐสู้คาถาบทเดียว ที่ฟังแล้สสงบระงับไม่ได้”