พระอัสสชิเถระ เป็นพระภิกษุสาวกของพระพุทธเจ้า เป็นหนึ่งในปัญจวัคคีย์ เกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาล กรุงกบิลพัสดุ์ ท่านได้ศึกษาศิลปวิทยาจบไตรเพท เนื่องด้วยพราหมณ์ผู้เป็นบิดาของท่านเคยเป็นพราหมณ์ 1 ใน 8 คนที่ได้รับนิมนต์เข้ารับภัตตาหารในพระราชวังกรุงกบิลพัสดุ์ในวันขนานพระนามเจ้าชายสิทธัตถะ และได้ทำนายเป็น 2 ประการว่า “พระราชกุมารนี้ ถ้าดำรงอยู่ในเพศฆราวาส จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ถ้าออกบวชจักได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศาสดาเอกในโลก” บิดาของท่านจึงสั่งเสียให้ลูกชายคือ อัสสชิพราหมณ์ออกบวชหากเจ้าชายออกผนวชตามคำทำนาย เหมือนกับมหานามมาณพ จึงได้ออกบวชเป็นฤาษี ปรนนิบัติพระมหาบุรุษพร้อมกันทั้ง 5 คน
ในวันแรม 4 ค่ำ เดือน 8 ได้ฟังปกิณกเทศจากพระพุทธองค์ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ได้ดวงตาเห็นธรรมสำเร็จเป็นพระโสดาบัน แล้วทูลขออุปสมบท ได้ฟังอนัตตลักขณสูตร สำเร็จเป็นพระอริยบุคคล
ท่านก็ถือว่าเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการช่วยพระพุทธเจ้าเผยแพร่พระพุทธศาสนาในช่วงต้นพุทธกาล เป็นพระสงฆ์กลุ่มแรกที่พระพุทธเจ้าทรงส่งออกไปประกาศพระพุทธศาสนา ท่านเป็นผู้มีกิริยามารยาทน่าเลื่อมใสมาก เฉลียวฉลาด ไม่โอ้อวด จนทำให้อุปติสสะมาณพ บุตรแห่งนายบ้านนาลันทาเกิดความเลื่อมใส จึงขอให้ท่านแสดงธรรมให้ฟัง และยอมตนบวชในพระพุทธศาสนา
พระอัสสชิเถระได้กล่าวกับอุปติสสมาณพหนุ่มว่า “ท่าน เราบวชได้ไม่นาน เพิ่งมาสู่พระธรรมวินัย ไม่สามารถแสดงธรรมได้โดยพิสดารได้ เราจักกล่าวโดยย่อพอได้ความ” แล้วแสดงธรรมภาษิตว่า
เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตุ ตถาคโต
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ
"ธรรมเหล่าใด เกิดแต่เหตุ พระตถาคต กล่าวเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับของธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีวาทะอย่างนี้"
จึงทำให้อุปติสสปริพาชกเกิดดวงตาเห็นธรรมพร้อมทั้งโกลิตมาณพชักชวนกันเข้ามาบวชและสำเร็จเป็นพระอริยบุคคลผู้เป็นอัครสาวกมีนามอันอุโฆษณ์ว่า “พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรเถระ”