ปางประสูติ |
ลักษณะของพระพุทธรูป พระพุทธรูปปางประสูตินี้ อยู่ในอิริยาบถยืนโดยทำเป็นพระรูปพระนางเจ้าสิริมหามายา (พระพุทธมารดา) ประทับยืนพระหัตถ์ขวาทรงเหนี่ยวกิ่งต้นรัง และมีรูปพระโพธิสัตว์กุมารประทับยืน มีรูปพระอินทร์ พระพรหม หมู่เทวดาและเหล่านารีราชบริพารแวดล้อม บางทีก็ทำตามมติที่ไม่นิยมสร้างรูปเคารพ คือทำแต่เพียงรูปพระนางเจ้าสิริมหามายาประทับยืนพระหัตถ์ขวาทรงเหนี่ยวกิ่งไม้รังเท่านั้นก็มี ประวัติความเป็นมา
เมื่อพระบรมโพธิสัตว์เจ้าบังเกิดเป็นสันดุสิตเทวราชเสวยทิพย์สมบัติอยู่ในสวรรค์ขั้นดุสิต ครั้งนั้นท้าวมหาพรหมและเทวราชในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น ชวนกันไปเฝ้ากราบทูลอัญเชิญพระโพธิสัตว์เจ้า ได้จุติลงไปบังเกิดในมนุษย์โลก เพื่อตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้า แสดงธรรมสั่งสอนประชากรให้รู้ธรรม และประพฤติธรรม สมดังที่พระองค์ได้บำเพ็ญบารมีตั้งพระทัยไว้แต่แรกครั้นพระบรมโพธิสัตว์เจ้าทรงพิจารณาดูมหาวิโลกนะ ๕ ประการคือ ๑.กาลเวลา ๒.ประเทศ ๓.ตระกูล ๔.มารดา และ ๕. อายุ ทรงเห็นว่าอยู่ในสถานะอันสมควรแล้ว ก็ทรงรับคำทูลเชิญ ต่อมาก็เสด็จจุติลงมา ปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระมารดามายาเทวี พระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ ณ เมือง กบิลพัสดุ์ แคว้นสักกชนบท ปรากฏว่าพระนางเจ้าทรงพระสุบินนิมิตเมื่อเวลาราตรี เพ็ญเดือน ๘ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปีว่า มีพญาเศวตรกุญชรชาติชูดอกบัวบุณฑริก มีกลิ่นหอมเข้ามาเฝ้าพระนางครั้นพระนางเจ้าสิริมหามายาเทวีตื่นบรรทมแล้ว ได้นำความฝันขึ้นกราบทูลพระเจ้าสุทโธทนะ พระราชสวามี และได้รับคำทำนายจากโหราจารย์ว่ามีจะราชโอรสเป็นชาย มีบุญญาภินิหารยิ่งใหญ่ หาผู้ใดเสมอมิได้ พระเจ้าสุทโธทนะได้ทรงสดับก็ทรงโสมนัส โปรดให้จัดการบริหารพระครรภ์ ถ้วนทศมาศแล้วได้ทูลลาพระสวามีเพื่อเสด็จเยี่ยมพระญาติยังเทวทหนคร โดยพระราชยาสีวิกามาสในวันวิสาขปุณณมี เพ็ญเดือน ๖ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำปีจอ ก่อนพุทธศก ๘๐ ปี พระนางเจ้าสิริมหามายาเสด็จออกจากพระนครกบิลพัสดุ์ เวลาเช้าถึงป่าลุมพินีสถาน อันตั้งอยู่ในระหว่างกรุงเทวทหะกับกรุงกบิลพัสดุ์ต่อกัน ซึ่งเป็นสถานที่รมณียะ แล้วเสด็จเข้าพักร้อนยังร่มไม้สาลพฤกษ์ ขณะนั้นประจวบลมกัมมัชวาตหวั่นไหว ประชวรพระครรภ์ใกล้ประสูติ เจ้าพนักงานก็รีบจัดสถานที่ถวายเท่าที่จะจัดทำได้พระนางเจ้าสิริมหามายาได้ประทับยืน ทรงเอาพระหัตถ์ขวาโน้มเหนี่ยวกิ่งไม้สาละ และได้ประสูติพระราชโอรส ในสถานที่อันเป็นสถานมหามงคลนั้นโดยสวัสดี ขณะนั้นเป็นเวลาใกล้เที่ยง ตามนัยแห่งปฐมสมโพธิกถากล่าวว่า เมื่อพระราชกุมารเสด็จจากพระครรโภทรของพระราชชนนีแล้ว ท้าวสุทธาวาสมหาพรหมได้เอาข่ายทองรองรับพระวรกายพระกุมาร มิให้ตกถึงพื้น ต่อจากนั้นพระบรมโพธิสัตว์เจ้าได้เสด็จประทับยืนเหยียบพื้นแผ่นดิน บ่ายพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ แล้วได้เสด็จอย่างพระราชดำเนินไปบนพื้นแผ่นทอง ซึ่งท้าวจตุโลกบาลถือรองรับได้ ๗ ก้าว ประทับยืนบนดอกบัวทิพย์อันมีกลีบร้อยกลีบ แล้วได้เปล่งพระอาสภิวาจาอันเป็นบุรพนิมิตแห่งพระสัมมาสัมโพธิญาณ ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ยิ่งว่า :- อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส เชฏโฐ เสฏฺโฐ อนุตฺตโร อยมนฺติมา เม ชาติ นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว ความว่า “ในโลกนี้ เราเป็นยอด เป็นผู้เจริญที่สุดเป็นผู้ประเสริฐที่สุด การเกิดของเรานี้เป็นครั้งสุดท้าย ภพใหม่ต่อไปไม่มี” ขณะนั้นโลกธาตุก็บังเกิดปุพพนิมิตปฏิหารย์ต่างๆบันดาลให้แผ่นดินไหวเป็นมหัศจรรย์ จากผลการค้นคว้าของศิลปะโบราณวัตถุสถาน ยุติแน่ในเวลานี้ว่า ลุมพินีที่ประสูติของพระบรมโพธิสัตว์ (พระพุทธเจ้า) นั้นอยู่ในประเทศเนปาลเรียกว่า ลุมมันเด (LUMMANDE) มีเสาหินของพระเจ้าอโศกมหาราช โปรดให้ประดิษฐานไว้เป็นที่กำหนดห่างจากกรุงกบิลพัสดุ์ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ ๑๒ กิโลเมตร บัดนี้รัฐบาลประเทศเนปาลด้วยความร่วมมือของสมาคมธัมโมทยสภา ได้ชักชวนประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา ร่วมกันฟื้นฟูบูรณะ สืบไป |