ปางรับหญ้าคา |
ลักษณะของพระพุทธรูป พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถยืน พระหัตถ์ซ้ายห้อยลงข้างพระกาย พระหัตถ์ขวายื่นออกมาข้างหน้าเป็นกิริรับหญ้าคา บางแบบทำเป็นแบบถือหญ้าคาก็มี ประวัติความเป็นมา เมื่อพระมหาบุรุษบรมโพธิสัตว์ ทรงเห็นถาดทองลอยทวนกระแสน้ำสมตามอธิษฐานจิตอันเป็นนิมิตดีเช่นนั้น ก็เพิ่มความแน่พระทัยว่าจะได้ตรัสรู้เป็นสัพพัญญูพุทธเจ้าโดยหาความสงสัยมิได้ ก็ทรงโสมนัสเสด็จมายังสาละวัน ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราประทับพักพระกายที่ภายใต้ร่มไม้สาลพฤกษ์พอเวลาใกล้สายันต์ตะวันบ่าย ก็เสด็จออกจากหมู่ไม้สาละที่พักกลางวัน เสด็จดำเนินไปสู่ร่มไม้อสัตถโพธิพฤกษ์ พบโสตถิยพราหมณ์ในระหว่างทาง โสตถิยพราหมณ์เลื่อมใสจึงน้อมกำหญ้าคาเข้าไปถวาย ๘ กำ พระมหาบุรุษบรมโพธิสัตว์ครั้นทรงรับหญ้าคาจากนายโสตถิยพราหมณ์แล้ว ก็เสด็จไปยังร่มไม้ อสัตถโพธิพฤกษ์ทางด้านปราจีนทิศ แล้วทรงลาดหญ้าคาต่างบัลลังก์ ณ ควงไม้อสัตถโพธิพฤกษ์ด้านปราจีนทิศแล้วเสด็จนั่งขัดสมาธิ ผันพระปฤษฎางค์ทางลำต้นอสัตถโพธิพฤกษ์ทรงอธิษฐานในพระหฤทัยว่า “ยังไม่บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณเพียงใด จักไม่เสด็จลุกขึ้นเพียงนั้น พระมังสะและพระโลหิตจะแห้งเหือดไปเหลือแต่พระตจะ พระนราหู และพระอัฐิก็ตามทีเถิด” เรื่องพุทธศาสนิกชนชาวไทยเอาหญ้าคามาใช้ประกอบพิธีโดยใช้ฟ่อนหญ้าคาสำหรับประพรมน้ำพระพุทธมนต์ เป็นธรรมเนียมสืบมาจนปัจจุบัน ทรงพระถือว่าหญ้าคาเคยใช้เป็นพุทธบัลลังก์จึงเห็นเป็นสิริมงคล ขณะนั้น ความอัศจรรย์ได้เกิดขึ้น เมื่อพระมหาบรมโพธิสัตว์เจ้า ทรงอธิษฐานแล้วบัลลังก์แก้วอันวิจิตรงามตระการก็บันดาลผุดขึ้นแทนบัลลังก์หญ้าคาเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก |