ปางประทานโอวาท

   

หรือ ปางแสดงโอวาทปาติโมกข์


ลักษณะพระพุทธรูป
    พระพุทธรูปปางนี้  อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิทรงยกพระหัตถ์ทั้งสองขึ้นจีบพระองคุลีเหนือระหว่างพระถันทั้งสองข้าง  คล้ายปางเสด็จลงมาจากดาวดึงส์  เป็นกิริยาทรงประทานโอวาท  คือ  โอวาทปาติโมกข์


ประวัติความเป็นมา
    ครั้นพระบรมศาสดาเสด็จประทับอยู่  ณ  กรุงราชคฤห์พระนครหลวงแห่งมคธ  เวลาบ่าย  เสด็จประทับอยู่ท่ามกลางพระอรหันต์  ๑,๒๕๐ องค์  ที่พระเวฬุวันวิหาร  ทรงอาศัยความพร้อมเพรียงแห่งสงฆ์หมู่ใหญ่อันประกอบด้วย  องค์  ๔  ซึ่งเรียกว่าจาตุรงคสันนิบาต  คือ
    ๑.พระสาวกที่เข้าประชุมนั้น  ล้วนเป็นพระอรหันต์อยู่จบพรหมจรรย์แล้วนับจำนวน ๑,๒๕๐ องค์  
    ๒.พระสาวกเหล่านั้นล้วนเป็นเอหิภิกษุอุปสัมปทา คือ ได้รับการอุปสมบทที่พระพุทธองค์ประทานเอง
    ๓.พระสาวกเหล่านั้นไม่ได้นัดหมายต่างมาพร้อมกันเพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าโดยพร้อมเพรียงกัน
    ๔.พระบรมศาสดาประทานพระบรมพุทโธวาทในวันมาฆบุรณมีดิถี  พระจันทร์เพ็ญเสวยมาฆฤกษ์
    การประชุมของพระสงฆ์ด้วยลักษณะ  ๔  ประการเช่นนี้มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในพระพุทธศาสนา
ครั้นพระพุทธเจ้าทรงเห็นการประชุมของสงฆ์หมู่ใหญ่  เห็นศุภนิมิตอันดีเช่นนั้น  จึงได้ทรงพระกรุณาแสดงโอวาทปาติโมกข์  ประทานแก่พระสงฆ์ทั้งหลายโดยพระบาลีว่า
    ขนฺติ          ปรมํ          ตโป            ตีติกฺขา
    นิพฺพานํ     ปรมํ         วทนฺติ        พุทฺธา    เป็นต้น
    ความว่า  ความอดกั้นคือความอดทน  เป็นธรรมเผาผลาญบาปอย่างยิ่ง  ท่านผู้รู้ทั้งหลายกล่าวว่า  พระนิพพานเป็นธรรมอันประเสริฐ  ผู้ทำร้ายผู้อื่นไม่จัดว่าเป็นบรรพชิต  แม้ผู้เบียดเบียนผู้อื่น  ก็ไม่นับว่าเป็นสมณะ
    การไม่ทำบาปทั้งปวง  ๑ การยังกุศลให้ถึงพร้อม ๑ การทำจิตของตนให้ผ่องแผ้ว ๑ สามข้อนี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
    อนึ่ง การไม่เข้ากล่าวร้าย ๑ การไม่เข้าไปทำร้าย ๑ การสำรวมในปาติโมกข์ ๑ การรู้ประมาณพอควรในการบริโภค ๑ การนั่งนอนในเสนาสนะอันสงัด ๑  การประกอบความเพียรในอธิจิต ๑ ทั้ง ๖ ประการนี้ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
    ครั้นพระพุทธองค์ทรงประทานโอวาทปาติโมกข์  คือธรรมที่เป็นประทานของคำกล่าวสอนทั้งหลายแก่พระอริยสงฆ์สาวก ๑,๒๕๐  องค์  เพื่อถือเป็นแนวการสอนสำหรับพระสงฆ์สาวกที่จะรับปฏิบัติศาสนกิจ  เผยแพร่พุทธศาสนาแล้ว  ได้ทรงทำวิสุทธิอุโบสถร่วมกับพระสงฆ์ ๑,๒๕๐ องค์นั้น
    ดังนั้นการแสดงโอวาทปาติโมกข์  ประทานแก่สาวกครั้งนี้  ซึ่งเป็นครั้งเดียวในพุทธศาสนา  และพุทธจริยาตอนทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์นี้เป็นเหตุให้สร้างพระพุทธรูปที่เรียกว่า “ปางประทานโอวาท หรือ ปางแสดงโอวาทปาติโมกข์”

โครงการ KM หอพุทธศิลป์ © สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
๓๐ หมู่ที่ ๑ บ้านโคกสี ถ.ขอนแก่น-น้ำพอง ต.โคกสี อ.เมือง จ.ขอนแก่น โทร.๐๔๓-๒๘๓๕๔๖-๗
เริ่ม ๑ กันยายน ๒๕๕๓ ปรับปรุงล่าสุด ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๘, ปรับปรุงโดย นายบูชิตร์ โมฆรัตน์