ปางประทับเรือขนาน |
ลักษณะพุทธรูป พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถนั่งบนบัลลังก์ ทรงห้อยพระบาททั้งสองข้าง พระหัตถ์ซ้ายวางคว่ำอยู่บนพระเพลา พระหัตถ์ขวาห้อยอยู่ข้างพระองค์ ประวัติความเป็นมา เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์นั้น พระเจ้าสุมโธทนะ พระพุทธบิดาได้สดับข่าวจากกิตติศัพท์ที่แผ่ไปทั่วทุกทิศว่า บัดนี้พระราชโอรสได้บรรลุพระอรหันตสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว และกำลังจาริกเผยแผ่พระธรรมแก่ประชาชนในแคว้นต่างๆ ทรงปรารถนาจะได้ทอดพระเนตรเห็นพระราชโอรส ดังนั้นพระเจ้าสุทโธทนะจึงโปรดให้อำมาตย์ไปทูลอาราธนากลับมายังกรุงกบิลพัสดุ์จำนวน ๑๐ คน รวม ๑๐ ครั้ง อำมาตย์เหล่านั้นพร้อมด้วยบริวารไปสำเร็จเป็นพระอรหันต์ และทูลขออุปสมบท พระพุทธองค์ทรงประทานให้อำมาตย์เหล่านั้นอุปสมบทด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทาทุกคน บรรดาอำมาตย์เหล่านั้น มีท่านพระกาฬุทายีเถระเป็นอำมาตย์คนสุดท้าย และเป็นสหชาติกับพระพุทธเจ้าด้วยพระกาฬีทายีเถระอยู่จนได้โอกาส ก็กราบทูลพระบรมศาสดาให้เสด็จไปนครกบิลพัสดุ์ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับคำพระกาฬุทายีเถระ แล้วเสด็จออกจากกรุงราชคฤห์ในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๔ พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ผู้ขีณาสพ ๒๐,๐๐๐ องค์เสด็จพุทธดำเนินไปถึงสุดแคว้นมคธก็มีแม่น้ำใหญ่ เจ้าพนักงานเชิญเสด็จประทับบนบัลลังก์ในเรือขนานข้ามแม่น้ำนั้นแล้วเสด็จพุทธดำเนินไปวันละโยชน์เป็นเวลานานถึง ๒ เดือนสิ้นระยะทาง ๖๐ โยชน์ (๙๖๐ กม.) ก็เสด็จถึงกรุงกบิลพัสดุ์ในกลางเดือนวิสาขะ พระพุทธจริยาตอนประทับนั่งบนบัลลังก์ในเรือขนานนั้นเป็นพุทธนิมิตมงคลอย่างยิ่งแก่พุทธบริษัท จึงเป็นเหตุให้สร้างพระพุทธรูปที่เรียกว่า “ปางประทับเรือขนาน” |