ปางลีลา |
ลักษณะพุทธรูป พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถยืน ยกส้นพระบาทขวาสูงขึ้นจากพื้น ปลายพระบาทยังจดอยู่กับพื้น อยู่ในท่าจะก้าวเพื่อทรงพระราชดำเนิน พระหัตถ์ขวาห้อยอยู่ในท่าไกวพระหัตถ์ซ้ายยกเสมอพระอุระ ตั้งฝ่าพระหัตถ์ป้องไปเบื้องหน้าเป็นกิริยาเดิน บางรูปท่ายกพระหัตถ์ขวาก็มี บางแห่งทำเป็นจีบพระองคุลีก็มี ประวัติความเป็นมา ตามความจริงแล้ว การยกพระบาทเยื้องย่างเสด็จพระราชดำเนิน ซึ่งนิยมเรียกกันว่าการลีลาของพระพุทธองค์นั้นโดยปกติก็ทรงปฏิบัติเป็นประจำทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่น่าจะมีความสำคัญอะไร ถึงกับให้สร้างพระพุทธปางนี้ขึ้นมาเลยแต่บังเอิญคราวเสด็จพระพุทธดำเนินลงจากดาวดึงส์เทวโลกในท่ามกลางเทวดาและพรหมห้อมล้อมครั้งนั้นว่ากันว่างามนักงามหนา ถึงกับพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรยังไม่วายจะชื่นชมปรากฏว่าท่านได้กล่าวคาถาสรรเสริญการเสด็จพระพุทธดำเนินครั้งนี้ ถวายพระบรมศาสดาด้วยความเบิกบานใจว่า น เม ทิฏฺโฐ อิโต ปุพฺเพ น สุโต อุท กสฺสจิ เอวํ วคฺคุคฺโท สตฺถา ตุสิตา คณิมาคโต ความว่า การที่พระพุทธเจ้าทรงพระศิริโสภาคอันงามปานนี้ ข้าพุทธเจ้ายังไม่เคยเห็นเลย ไม่เคยได้ยินแม้แต่ถ้อยคำใครๆบอกเล่า พระบรมศาสดามีพระสุระเสียงอันไพเราะอย่างนี้เสด็จจากดุสิตมาสู่แผ่นดิน พระผู้มีพระภาคเจ้าได้เยื้องย่างลีลาเสด็จลงจากดาวดึงส์โดยบันได้แก้วมณีมัย ท่ามกลางเทพยดาในหมื่นจักรวาล มีท้าวสักกะเป็นต้น โดยบันได้ทองสุวรรณมัยในเบื้องขวา ท้าวสหัมบดีพรหมกับหมู่พรหมเป็นอันมากลงโดยบันไดเงินหิรัญญมัยในเบื้องซ้าย ครั้นแล้วพระผู้มีพระภาคเจ้าก็เสด็จลีลาจากดาวดึงส์สวรรค์มาถึงเชิงบันไดที่สังกัสสนคร เสด็จก้าวย่างลงจากบันไดแก้วนั้น ทรงเหยียบพื้นดินแห่งเมืองสังกัสสนครท่ามกลางมวลประชาชนผู้รอเฝ้ารับเสด็จกันเนืองแน่นด้วยความปีติยินดีโสมนัสในการเสด็จกลับของพระพุทธองค์ พระพุทธจริยาตอนเสด็จลีลาลงจากดาวดึงส์สวรรค์นั้นเองเป็นเหตุให้สร้างพระพุทธรูปที่เรียกว่า “ปางลีลา” |