พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ ป.ธ.๙)
วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์
แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม.

๑.ชีวประวัติ
นามเดิมชื่อ "หนูคล้าย
นามโสม" (ภายหลังสมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) แห่งวัดมหาธาตุ ได้เปลี่ยน
ชื่อให้ใหม่ว่า "โชดก"เกิดเมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๔๖๑ ตรงกับวันอังคารขึ้น
๖ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเมีย ณ บ้าน หนองหลุบ ตำบลบ้านทุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
โยมบิดาชื่อ "นายเหง้า นามโสม" โยมมารดาชื่อ
"นางน้อย นามโสม" มีพี่น้องร่วมตระกูลทั้งหมด ๙ คน เป็นพี่สาว
๕ คน น้องชาย ๑ คน และน้องสาว ๓ คน
ครอบครัวของนายเหล้า และนางน้อย นามโสมมีบุตรและธิดารวม ๑๐ คน มีรายชื่อตามลำดับดังนี้..
ธิดาคนที่ ๑ นางบุญ สิทธิ อยู่ที่บ้านหนองหลุบ ถึงแก่กรรม
ธิดาคนที่ ๒ นางสูน แซ่เอี่ยว อยู่ที่อำเภอน้ำพอง
ยังมีชีวิต
ธิดาคนที่ ๓ นางปุ่น เข้าเกลียว อยู่ที่บ้านหนองหลุบ
ยังมีชีวิตอยู่
ธิดาคนที่ ๔ นางเปี่ยง หล่ำแขก อยู่ที่บ้านหนองหลุบ
ถึงแก่กรรมแล้ว
ธิดาคนที่ ๕ นางเครื่อง เมืองจันทร์ อยู่ที่น้ำเกลี้ยง
ถึงแก่กรรม
บุตรชายคนที่ ๖ นายหนูคล้าย นามโสม (คือท่านเจ้าคุณ)
บุตรชายคนที่ ๗ นายคุ้ม นามโสม อยู่ที่บ้านหนองหลุบ
ยังมีชีวิตอยู่
ธิดาคนที่ ๘ นางสุ่ม จันทะสอน อยู่ที่บ้านหนองหลุบ
ยังมีชีวิตอยู่
ธิดาคนที่ ๙ นางทุม (นามสกุลจำไม่ได้) อยู่ที่บ้านโคกสูง
ยังมีชีวิตอยู่
ธิดาคนที่ ๑๐ นางทองอยู่ คนใหญ่ อยู่ที่บ้านโคกสูง
ยังมีชีวิตอยู่
บิดาของท่านชื่อ เหง้า มารดาชื่อ
น้อย ท่านมีพี่น้องร่วมตระกูล ๙ คน เป็นพี่สาว ๕ คน น้องชาย ๑ คน และน้องสาว
๓ คน และปู่ของท่านมีบรรดาศักดิ์เป็นขุน ชื่อขุนวงษ์ เป็นผู้ใหญ่บ้านติดต่อกันมาหลายยุคหลายสมัย
มีฐานะดี ส่วนบิดาของท่านเป็นชาวนา มีแต่ความรู้พิเศษ เป็นหมอชาวบ้าน-ช่างไม้-ช่างเหล็ก
ประจำหมู่บ้าน.
คุณปู่ของท่านมีบรรดาศักดิ์เป็นขุน ชื่อขุนวงษ์ เป็นผู้ใหญ่บ้านติดต่อกันมาหลายยุคหลายสมัย
มีฐานะดี ส่วนบิดาของท่านเป็นชาวนา แต่มีความรู้พิเศษ เป็นหมอชาวบ้าน-ช่างไม้-ช่างเหล็ก
ประจำหมู่บ้าน
๒. การศึกษาเบื้องต้น
พ.ศ.๒๔๗๒ จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔
จากโรงเรียนบ้านหนองหลุบ ตำบลบ้านทุ่ม อำเภอเมืองจังหวัดขอนแก่น
๓. บรรพชา-อุปสมบท
วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ เมืออายุ ๑๕
ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดโพธิ์กลาง จังหวัดขอนแก่น โดยมีพระครูเลิ่ง
เจ้าอาวาส เป็นพระอุปชฌาย์ และย้ายไปเรียนพระปริยัติธรรมที่วัดกลาง ในตัวเมืองขอนแก่น
สอบนักธรรมตรีได้จากวัดนี้และย้ายไปอยู่วัดยอดแก้ว ตำบลบ้านทุ่ม อำเภอเมือง
จังหวัดขอนแก่น เพื่อเรียนนักธรรมชั้นโท และบาลีมูลกัจจายน์ และสอบนักธรรมชั้นโทได้
พ.ศ.๒๔๗๘ ได้ย้ายมาอยู่ในกรุงเทพมหานครโดยครั้งแรก
ได้อยู่ที่วัดเทพธิดาราม สอบ ป.ธ.๓, ป.ธ. ๔ และนักธรรมชั้นเอกได้ในสำนักนี้
พ.ศ. ๒๔๘๒ ได้ย้ายมาอยู่วัดมหาธาตุโดยขุนวจีสุนทรรักษ์เป็นผู้นำมาฝากท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต
(เฮง เขมจารี )ขณะดำรงสมณศักดิ์ในราชทินนามที่ "พระพิมลธรรม" ได้เมตตารับไว้ให้อยู่
คณะ ๑ วัดมหาธาตุฯ
๔. วุฒิการศึกษา
พ.ศ. ๒๔๗๗ สอบได้นักธรรมชั้นตรี ในสำนักเรียน
วัดโพธิ์กลาง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
พ.ศ. ๒๔๗๘ สอบได้นักธรรมชั้นโท ในสำนักเรียน
วัดกลาง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
พ.ศ. ๒๔๘๐ - ๒๔๘๑ สอบได้นักธรรมชั้นเอก ป.ธ.
๓, ป.ธ.๔ ในสำนักวัดเทพธิดาราม แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
พ.ศ. ๒๔๘๒-๒๔๙๔ สอบได้ ป.ธ.๕-ป.ธ.๙ ในสำนักวัดมหาธาตุฯ
ในสมัยสอบ ป.ธ.๙ ได้ใน พ.ศ. ๒๔๙๙ นั้น นับเป็นผู้สอบได้เพียงรูปเดียวในประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๘๖-๒๔๙๒ ไปปฎิบัติศาสนกิจ ณ จังหวัด
ขอนแก่น โดยครั้งแรกเปิดสอนพระปริยัติธรรม ทั้งแผนกนักธรรม-บาลี ที่วัดสว่างพิทยา
อำเภอเมือง ประมาณ ๑ ปี แล้วย้ายมาอยู่วัดศรีนวล ในเขตเทศบาล เมืองขอนแก่น
ปรากฏว่า ได้ส่งเสริมการศึกษาในสำนักนี้ให้เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ต่อมา
ท่านได้ลาออกจาก ตำแหน่งสาธารณูปการจังหวัด เพื่อกลับมาอยู่วัดมหาธาตุฯ สำนักเดิม
๕. การปฎิบัติศาสนกิจ
พ.ศ. ๒๔๙๓ ย้ายกลับเข้ามาอยู่วัดมหาธาตุฯ
ในสมัยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถระ) ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่
"พระพิมลธรรม" เป็นเจ้าอาวาส ท่านได้อยู่คณะ ๕ และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะ
๕ วัดมหาธาตุฯ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ และอยู่ประจำที่คณะ ๕ ตลอดมาจนมรณภาพ
๖. หน้าที่การงานเกี่ยวกับการศึกษา
พ.ศ. ๒๔๘๓-๒๕๓๐ เป็นครูสอนปริยัติธรรมทั้งนักธรรม
- บาลี ในมหาธาตุวิทยาลัย ได้เป็นครูสอนบาลีไวยากรณ์ชั้นมูล
๓ ได้นิตยภัต ตั้งแต่เดือนละ ๖ บาท ในปี พ.ศ. ๒๔๘๓ จนกระทั่งสอน ป.ธ. ๗-๘-๙
เป็นกรรมการตรวจประโยคนักธรรม - บาลี สนามหลวง ตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๘๗ ตลอดมา จนมรณภาพ
เป็นผู้อำนวยการแผนกบาลี สำนักเรียนวัดมหาธาตุฯ ตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๒๖ เป็นต้นมา
๗.หน้าที่เกี่ยวด้วยพระไตรปิฎก
พ.ศ. ๒๔๙๒ ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการแปลพระไตรปิฎก
เป็นภาษาไทย ในแผนกตรวจสำนวน
พ.ศ. ๒๕๒๔ ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจทาน พระไตรปิฎกภาษาไทย
ฉบับหลวง
พ.ศ. ๒๕๒๘ ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการปาลิ
วิโสธกะ พระอภิธรรมปิฎก ฉบับสังคายนา พ.ศ. ๒๕๓๐
พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานบรรณกรในการพิมพ์พระไตรปิฎก
ฉบับสังคายนา พ.ศ. ๒๕๓๐
๘ . งานด้านวิปัสสนาธุระ
พ.ศ. ๒๔๙๔ ได้เข้ามาปฎิบัติวิปัสสนากรรมธานอยู่
ณ มณฑปพระธาตุ วัดมหาธาตุ ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๔๙๔ รวมเวลา ๗ เดือน ๑๙
วัน โดยพระภาวนาภิรามเถระ (สุข) วัดระฆังโฆสิตารามเป็นอาจารย์สอน
พ.ศ. ๒๔๙๕ ไปดูการพระศาสนาที่ประเทศพม่า และได้ปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
ณ สำนักศาสนายิสสา เมืองแรงกูน ประเทศพม่า เมื่อสำเร็จการศึกษาและปฎิบัติวิปัสสนาแล้ว
ได้เดินทางกลับประเทศไทย พร้อมกับพระอาจารย์ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ๒ รูปที่รัฐบาลไทยขอจากรัฐบาลพม่า
เพื่อมาสอนวิปัสสนากรรมฐาน ประจำอยู่ในประเทศไทย พระวิปัสสนาจารย์ ๒ รูปนั้น
คือ ท่านอาสภเถระ ปธานกัมมัฎฐานาจริยะ และท่านอินทะวังสะ ธัมมาจริยะกัมมัฏฐานาจริยะ
เมื่อท่านกลับมาประเทศไทยแล้ว ท่านได้ปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐานต่ออีก
๔ เดือน ในสมัยนั้น ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่
"พระพิมลธรรม" ได้ประกาศตั้งสำนักวิปัสสนากรรมฐานแห่งประเทศไทยขึ้นที่วัดมหาธาตุ
และได้แต่งตั้งท่าน พระมหาโชดก ป.ธ.๙ ให้เป็นพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
เป็นรูปแรก ท่านได้รับภาระหนักมากเพราะเป็นกำลังสำคัญของท่านเจ้าประคุณสมเด็จในการวางแผนขยายสำนักงานสาขาไปตั้งในที่ต่างๆ
ทั่วประเทศ จัดทำหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐาน คัดเลือกพระวิปัสสนาจารย์ไปสอนประจำอยู่ตามสำนักสาขาที่ตั้งขึ้น
และจัดไว้สอนประจำที่วัดมหาธาตุ พระวิปัสสนาจารย์ทั่วประเทศส่วนมากเป็นศิษย์ของท่าน
อนึ่ง ในครั้งนั้นท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ได้จัดตั้ง
กองการวิปัสสนาธุระขึ้นเป็นศูนย์วิปัสสนากรรมฐานที่คณะ ๕ วัดมหาธาตุ และได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้อำนวยการกองการ
วิปัสสนาธุระ ในความอำนวยการของท่าน มีกิจการเจริญก้าวหน้ามาก มีผลงานปรากฏ
ดังนี้
๑.จัดพิมพ์วิปัสสนาสาร ซึ่งเป็นวารสารราย ๒ เดือน
(ออกปีละ ๖ เล่ม) ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๙๘ และได้ออกติดต่อตลอดมาถึงบัดนี้ มีสมาชิกให้การอุดหนุนวารสารนี้มีมากพอสมควร
๒. จัดการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานขึ้นที่ คณะ ๕ โดยจัดสร้างห้องปฎิบัติขึ้นรับผู้ประสงค์จะเข้าปฎิบัติหรือ
ผู้มีปัญหาชีวิต เข้าปฏิบัติได้ทุกเวลา ทั้งประเภทอยู่ประจำ และไม่ประจำ
(คือมารับพระกรรมฐานจากอาจารย์ไปปฏิบัติที่บ้านแล้วมารับสอบอารมณ์ หรือ มาปฎิบัติในเวลาว่างแล้วกลับไปพักที่บ้าน)
๓. อาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ และคณะศิษย์ของท่านได้ไปสอนวิปัสสนากรรมฐานในพระอุโบสถวัดมหาธาตุ
ตึกมหาธาตุวิทยาลัย ตึกธรรมวิจัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ทุกวันพระ และวันอาทิตย์
๔. ให้ความอุปถัมภ์สำนักวิปัสสนากรรมฐานอื่นที่เป็นสาขาอีกหลายสำนัก
เช่น สำนักวิเวกอาศรม อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี สำนักวิปัสสนาภูระงำ อำเภอมัญจาคีรี
จังหวัดขอนแก่น และสำนักบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี เป็นต้น
พระธรรมธีรราชมหามุนี ได้อุทิศชีวิตอบรมและเผยแพร่
วิปัสสนากรรมฐานติดต่อมาเป็นเวลายาวนาน ประมาณ ๔๐ ปี จึงมีศิษยานุศิษย์และมีผู้เคารพศรัทธาเลื่อมใสมากทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
และบุคคลผู้มาปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐานนั้น มีทุกระดับชั้น ทุกฐานะอาชีพ
พ.ศ. ๒๔๙๘ ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระอุดมวิชาญาณเถรได้เป็นพระอาจารย์ถวายวิปัสสนากรรมฐาน
แด่สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี) ซึ่งได้เสด็จมาสมาทานพระกรรมฐานเมื่อวันอังคารที่
๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๘ เวลา ๑๙.๐๐ น.ณ.พระมณฑปพระบรมธาตุ วัดมหาธาตุ ในโอกาสนั้น
ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระพิมลธรรม ได้ถวายศีลแล้ว
พระอุดมวิชาญาณเถรเป็นผู้ถวายพระกรรมฐาน และถวายสอบอารมณ์พระกรรมฐานด้วย
เป็นประจำทุกวัน ณ พระมณฑปพระบรมธาตุเวลา ๑๗.๐๐ น. รวมเวลาที่ทรงเสด็จมาสอบพระกรรมฐานทุกวันเป็นเวลา
๑ เดือน และทรงได้รับผลจากการปฎิบัติวิปัสสนาเป็นอย่างดี จนกระทั่งได้ฟังเทศน์ลำดับญาณพร้อมกันกับหลวงพ่อวัดปากน้ำ
ภายในพระอุโบสถวัดมหาธาตุ
ในวันที่ ๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๘ ท่านเจ้าคุณพระมงคลเทพมุนี
(หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ) ได้มอบหมายให้พระทิพย์ปริญญา มาติดต่อกับท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรม
ขอให้พระอุดมวิชาญาณเถร ไปสอนวิปัสสนากรรมฐานแก่ท่าน โดยมีพระอุดมวิชาญาณเถระและพระทิพย์ปริญญา
นายเสวต เปี่ยมพงศ์สานต์ ได้ไปถวายพระกรรมฐานแก่ท่านในตอนเย็นวันนั้น ที่วัดปากน้ำ
ภาษีเจริญ เนื่องจากท่านเจ้าคุณพระมงคลเทพมุนี ได้อธิษฐานไว้ว่า ท่านจะไม่ไปค้างคืนที่วัดอื่น
ดังนั้นท่านจึงขอร้องให้พระอุดมวิชาญาณไปสอนภายในพระอุโบสถ วัดปากน้ำ ครั้นท่านได้ปฎิบัติครบบทเรียน
ครบหลักสูตรแล้วใช้เวลาประมาณ ๑ เดือน ทางสำนักได้จัดให้มีการฟังเทศน์ลำดับญาณภายในพระอุโบสถวัดมหาธาตุ
โดยพระอุดมวิชาญาณเถร เทศน์จบก็ได้ถวายวิชาครูท่านไป ๑ ชุด
เป็นว่าท่านเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถทั้งในด้านสมถะและด้านวิปัสสนา
เป็นพระเถระที่ไม่มีทิฏฐิมานะสมเป็นนักปฏิบัติธรรมแท้ ควรแก่การเคารพบูชาเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากนั้น ท่านเจ้าคุณพระมงคลเทพมุนีได้ส่งภาพของท่านมาถวายไว้เป็นที่ระลึกแก่สำนักวิปัสสนากรรมฐานวัดมหาธาตุ
และได้เขียนบันทึกใต้ภาพยกย่องว่า "ให้สำนักวิปัสสนาวัดมหาธาตุ ไว้เป็นที่ระลึก
ในโอกาสที่ฉันได้เข้าปฏิบัติวิปัสสนา ตามแบบแผนทีวัดมหาธาตุสอนอยู่ในปัจจุบันนี้แล้ว
ยืนยันว่าการปฎิบัติแบบนี้ถูกต้องร่องรอยในมหาสติปัฏฐานสูตร ทุกประการ"
ลงชื่อ พระภาวนาโกศลเถร วัดปากน้ำ
ธนบุรี
ลงวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๘

๙. หน้าที่เกี่ยวกับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พ.ศ. ๒๔๙๐-๒๕๓๐
-ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการชำระหนังสือธัมมปทัฏฐกถาฉบับมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย
-เป็นอาจารย์บรรยายวิชาพระพุทธศาสนาในชั้นอุดมศึกษา
-เป็นกรรมการบริหารกิจการ
-เป็นกรรมการพิจารณาหลักสูตรบาลี สำหรับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
-เป็นรองประธานกรรมการฝ่ายวิเทศสัมพันธ์
-เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย
๑๐. หน้าที่เกี่ยวกับการบริหารคณะสงฆ์
พ.ศ. ๒๔๘๘-๒๕๓๐
- ได้รับแต่งตั้งเป็นเลขานุการกรรมการสงฆ์จังหวัดขอนแก่น
- กรรมการสาธารณูปการจังหวัดขอนแก่น
- เจ้าคณะภาค ๑๐
- เจ้าคณะภาค ๙
- พระอุปัชฌาย์ประจำวัดมหาธาตุ
- รองเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ
- รองประธานกรรมการสงฆ์บริหารวัดมหาธาตุ รูปที่ ๑
๑๑.หน้าที่งานพิเศษ
- ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้รักษาการหัวหน้าพระธรรมทูตสายที่
๓
- เป็นหัวหน้าผู้อำนวยการงานพระธรรมทูต สายที่ ๖
- เป็นอนุกรรมการมหาเถรสมาคม เพื่อร่วมพิจารณาหาทางแก้ไขปัญหาวัดที่ว่างเจ้าอาวาสเพื่อหาข้อมูล
๑๒. งานเผยแพร่
- เป็นพระธรรมกถึก ทั้งเทศน์คุ่และเทศน์เดี่ยว
- เป็นองค์ปาฐกแสดงปาฐกถาธรรม
- องค์บรรยายธรรม
- บรรยายธรรมทางวิทยุเป็นประจำหลายสถานี
- บรรยายธรรมทางสถานีโทรทัศน์
นับว่าท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีความเชี่ยวชาญในการบรรยายธรรม
ได้รับความนิยมมากจากผู้ฟังทั้งจากหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และประชาชนเป็นอย่างดี
๑๓.งานสาธารณูปการและงานสาธารณสงเคราะห์
พระธรรมธีรราชมหามุนี มีผลงานด้านสาธารณูปการ และสาธารณะสงเคราะห์ปรากฏอย่างกว้างขวาง
ทั้งภายในวัดมหาธาตุ และภายนอก ดังมีหลักฐานปรากฏตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๘-๒๕๓๐
ดังนี้
๑) สาธารณูปการภายในวัดมหาธาตุ
- จัดหาทุนสร้างห้องปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในวัดมหาธาตุ
- จัดหาเงินสมทบทุนมูลนิธิวิปัสสนากรรมฐาน
- สร้างตึกอุดมวิชาในคณะ ๕ วัดมหาธาตุ
- เป็นประธานกรรมการหาทุนก่อสร้างตึกมหาธาตุวิทยาลัย
อาคารทรงไทย ๔ ชั้น
- เป็นประธานกรรมการหาทุนบูรณะโรงเรียนธรรมมหาธาตุวิทยาลัย
และสร้างโรงครัวครูปริยัติธรรม
- เป็นประธานกรรมการจัดหาทุนและก่อตั้งมูลนิธิศรีสรรเพชญ์
- รวมสมทบบูรณะคณะ ๘ วัดมหาธาตุ
- บริจาคร่วมสร้างพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
- เป็นประธานกรรมการจัดหาทุนสร้างพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
- เป็นกรรมการอุปถัมภ์จัดหาทุนสร้างโรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
รวมงานสาธารณูปการภายในวัดมหาธาตุ ที่ได้ดำเนินการมา
เป็นเงินประมาณ ๑๔,๓๒๕,๐๐๐.๐๐ บาท (สิบสี่ล้านสามแสนสองหมื่นห้าพันบาท
๒) สาธารณูปการภายนอกวัดมหาธาตุ
- งานก่อสร้างปฏิสังขรณ์วัดสว่างพิทยา บ้านหนองหลุบซึ่งเป็นถิ่นบ้านเกิด
- จัดหาทุนสร้างโรงเรียนปริยัติธรรมวัดธาตุ จังหวัดขอนแก่น
๒ หลัง
- จัดหาทุนสร้างอุโบสถวัดโพธิ์ชัย จังหวัดขอนแก่น
- จัดหาทุนสร้างโรงเรียนประชาบาลบ้านหนองหลุบ ๒
- เป็นประธานจัดหาทุนสร้างวัดพุทธประทีป ในระยะเริ่มแรก
- อุปถัมภ์สร้างอาคารเรียน ในโรงเรียนประชาบาลบ้านหนองบัว
อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี
- เป็นประธานจัดหาทุนสร้างตึกสงฆ์อาพาธ สมเด็จพระพุฒาจารย์
(อาสภมหาเถร) ในโรงพยาบาลขอนแก่น
- บริจาคสร้างตึกสยามินทร์ โรงพยาบาลศิริราช
- อุปถัมภ์สำนักวิปัสสนากรรมฐาน ภูระงำ อำเภอมัจฉาคีรี
จังหวัดขอนแก่น
- จดหาทุนสร้างสำนักวิเวกอาคม ตำบลบางขวัญ อำเภอเมือง
จังหวัดฉะเชิงเทรา
รวมงานสาธารณูปการภายนอกวัดมหาธาตุ เป็นเงินประมาณ
๑๓,๔๕๖,๐๐๐.๐๐ บาท (สิบสามล้านสี่แสนห้าหมื่นหกพันบาท)
รวมเงินที่จัดหาในงานสาธารณูปการทั้งภายในวัดมหาธาตุและภายนอกวัด
เป็นเงินประมาณ ๒๗,๗๘๑,๐๐๐.๐๐ บาท (ยี่สิบเจ็ดล้านเจ็ดแสนแปดหมื่นหนึ่งพันบาท)
๑๔.งานต่างประเทศ
พ.ศ. ๒๔๙๕-๒๕๒๘
- ไปดูงานการพระศาสนา และปฏิบัติกรรมฐาน ณ ประเทศพม่า
- ไปสอนวิปัสสนากรรมฐาน ณ. ประเทศอังกฤษ ตามคำอารธนาของคณะสงฆ์สมาคมแห่งประเทศอังกฤษ
- เป็นหัวหน้าพระธรรมทูตประจำประเทศอังกฤษ
- ริเริ่มสร้างวัดไทยในประเทศอังกฤษ ปัจจุบันได้สร้างเป็นวัดไทยโดยสมบูรณ์
ชื่อ "วัดพุทธปทีป" โดยท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดพุทธปทีป รูปแรก
- เป็นกรรมการอำนวยการฝึกอบรมพระธรรมทูตที่จะไปสอนต่างประเทศ
- รับชาวต่างประเทศเข้าปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐานทีวัดมหาธาตุ
และให้ได้บรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา
๑๕. งานนิพนธ์
พระธรรมธีรราชมหามุนี เป็นพระมหาเถระเชี่ยวชาญแตกฉานในพระไตรปิฏก
และมีความทรงจำเป็นเลิศ สามารถบอกเรื่องราวต่างๆ ว่าอยู่ในเล่มใด และบางครั้งบอกหน้าหนังสือเล่มนั้นด้วย
และท่านยังเป็นนักประพันธ์ที่นิพนธ์เรื่องศาสนาได้รวดเร็ว และได้นิพนธ์ไว้มากมายหลายเรื่อง
เฉพาะที่หาข้อมูลได้ แยกบทนิพนธ์ของท่านเป็นประเภท ดังนี้
- ประเภทวิปัสสนากรรมฐาน มีหนังสือประมาณ ๒๑ เรื่อง
เช่น เรื่องความเป็นมาของวิปัสสนากรรมฐาน, คำบรรยายวิปัสสนากรรมฐาน จำนวน
๙ เล่ม
- ประเภทพระธรรมเทศนา มีหนังสือประมาณ ๔ เรื่อง
เช่น เรื่องเทศน์คู่อริยสัจ ฯลฯ
- ประเภทวิชาการ มีหนังสือประมาณ ๘ เรื่อง เช่น
เรื่องอภิธัมมัตถสังคหะปริเฉทที่ ๑-๙ ฯลฯ
- ประเภทสารคดี มีหนังสือประมาณ ๒๐ เรื่อง เช่น
เรื่องพระมาลัยโปรดสัตว์นรก ฯลฯ
- ประเภทตอบปัญหาทั่วไป มีหนังสือประมาณ ๕ เรื่อง
เช่น ตอบปัญหาเรื่องบุญบาป แลนรกสวรรค์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีคำขวัญ คำอนุโมทนา คติธรรม เพื่อลงตีพิมพ์ในหนังสืออนุสรณ์ต่างๆ
ที่มีผู้ขอมาอีกด้วย
๑๖.สมณศักดิ์
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๗ (อายุ ๓๖ พรรษา ๑๕) ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์
เป็นพระราชาคณะเปรียญฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ "พระอุดมวิชาญาณเถระ"
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ (อายุ ๔๔ พรรษา ๒๓) ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์
เป็นพระราชาคณะฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ "พระราชสิทธิมุนี ศรีปิฎกโกศล วิมลปัสสนาจารย์
อุดมวิชาญาณวิจิตร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี"
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ (อายุ ๕๒ พรรษา ๓๑) ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์
เป็นพระราชาคณะชั้นเทพฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ "พระเทพสิทธิมุนี สมถวิธี
ธรรมมาจารย์ วิปัสสนาญาณโสภณ ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี"
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ (อายุ ๖๙ พรรษา ๔๘) ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์
เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม มีพระราชทินนามว่า " พระธรรมธีรราชมหามุนี คัมภีรญาณวิมล
โสภณธรรมานุสิฐ ตรีปิฎก บัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี"
๑๗. อวสานชีวิต
พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ ป.ธ.๙) ได้ถึงแก่มรณภาพ
โดยอาการอันสงบในอิริยาบถนั่งเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ขณะไปทำการสอนวิปัสสนากรรมฐานที่บ้านโยมอุปฐาก
ในวันพฤหัสดีที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๓๑ เวลา ๑๕.๐๐ น. รวมสิริอายุได้ ๗๐ ปี ๒
เดือน ๑๕ วัน นำความเศร้าโศก แสนเสียดายอาลัยมาสู่คณะสงฆ์ คณะศิษยานุศิษย์
และพุทธศาสนิกชนทั่วไปอย่างยิ่ง
ขออำนาจบุญกุศลทั้งปวง ได้โปรดบันดาลให้พระธรรมธีรราชมหามุนี
(โชดก ญาณสิทฺธิ ป.ธ. ๙) ประสบสันติสุขในสัมปวายภพทุกประการ ดังสุนทรโวหารที่ท่านได้นิพนธ์ในสุดท้ายแห่งชีวิต
ดังนี้
"เตรียมสร้างทางชอบไว้ หวังกุศล
ตัวสุขส่งเสริมผล เพิ่มให้
ก่อนแต่มฤตยูดล เผด็จชีพ เทียวนา ตายพรากจากโลกได้ สถิตด้าว แดนเกษม"


กับพระเถระชั้นผู้ใหญ่ซึ่งพระเดชพระคุณเคารพศรัทธา
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เสงี่ยม)

บนธรรมาสน์ของพระเดชพระคุณฯ
ท่านเจ้าคุณอาจารย์นักเทศน์ฝีปากเอกผู้เคยได้รับการกล่าวขานว่าเป็น "พระไตรปิฎกเคลื่อนที่"

น้ำอบที่หลั่งรินลงบนมือของพระเดชพระคุณ
ในช่วงวันคล้ายวันเกิด ๑๕ เมษายน ซึ่งใกล้กับเทศกาลสงกรานต์ของประชาชนชาวไทย
... แทนสายธารแห่งความศรัทธาจากศิษยานุศิษย์มากมายที่มีต่อพระเดชพระคุณฯ
อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องมาแต่อดีต ...

เป็นอุปัชฌาย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ในภาพเป็นพิธีอุปสมบทในประเทศอเมริกา
เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๒๘

สมเด็จพระชนนีได้เสด็จมาสมาทานพระกรรมฐานกับพระเทพสิทธิมุนี
ณ วัดมหาธาตุ เป็นเวลาถึง ๑ เดือน เมื่อปี ๒๔๙๘

ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับพระเดชพระคุณพระเทพสิทธิมุนี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
เสด็จพระราชดำเนิน มาถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดมหาธาตุ ยุวราชรังสฤษฎ์
แด่พระเทพสิทธิมุนี เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ เวลา ๑๖:๐๐ น.
|