ประวัติและปฏิปทา "พระมงคลวราจารย์"
(หลวงปู่ธีร์ เขมจารี)

๏ อัตโนประวัติ
"พระมงคลวราจารย์" หรือ "หลวงปู่ธีร์
เขมจารี" อดีตเจ้าอาวาสวัดมิ่งเมืองพัฒนาราม (วัดภูเวียงวนาราม) บ้านนาก้านเหลือง
ต.ภูเวียง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทางด้านเครื่องรางของขลัง
และวัตถุมงคลศักดิ์สิทธิ์ ท่านมีนามเดิมว่า ธีร์ คำใสขาว เกิดเมื่อวันที่
20 มิถุนายน พุทธศักราช 2453 ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 7 ปีจอ ณ
บ้านกระจาย ต.น้ำคำ (ต.หนองหมื่นถ่าน ในปัจจุบัน) อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายจันทา และนางบับ คำใสขาว
๏ การศึกษาเบื้องต้น
ในช่วงวัยเยาว์ได้เข้าศึกษาเล่าเรียนหนังสือไทย
ก.ข. ที่โรงเรียนบ้านกอก ต่อมาย้ายกลับมาเรียนที่โรงเรียนบ้านกระจาย อ.สุวรรณภูมิ
จ.ร้อยเอ็ด จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
๏ การบรรพชาและอุปสมบท
เมื่ออายุครบ 16 ปี นายธีร์ได้เข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณร
เมื่อวันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ.2469 ณ วัดโพธิ์ศรี บ้านกระจาย อ.สุวรรณภูมิ
จ.ร้อยเอ็ด โดยมีพระใบฎีกาหล้า เจ้าคณะอำเภอสุวรรณภูมิ เป็นพระอุปัชฌาย์
ด้วยจิตใจที่ฝักใฝ่ในการศึกษาพระปริยัติธรรม จึงย้ายไปอยู่จำพรรษาที่วัดราศีไศล
บ้านฟ้าเลื่อม ต.หน่อม อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด โดยมีครูบาเฒ่าหรือหลวงปู่ญาครูโส
ธมฺมปาโล เป็นพระอาจารย์ใหญ่ และพระอาจารย์เมืองกับพระอาจารย์สอน เป็นพระอาจารย์ถ่ายทอดวิชาความรู้
สวดมนต์น้อย มนต์กลาง มนต์หลวง และมูลกัจจายน์
กระทั่งอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่
18 ตุลาคม พ.ศ.2472 ณ พัทธสีมาวัดราษีไศล บ้านฟ้าเลื่อม ต.หน่อม อ.อาจสามารถ
จ.ร้อยเอ็ด โดยมีครูบาเฒ่าหรือหลวงปู่ญาครูโส ธมฺมปาโล เป็นพระอุปัชฌาย์
๏ การศึกษาพระปริยัติธรรม
ภายหลังอุปสมบทแล้ว ท่านได้ขอย้ายไปอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านพันขาง
ต.บ้านเขวา อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อศึกษามูลกัจจายน์
พ.ศ.2475 ศึกษาบาลีไวยากรณ์ ที่วัดบ้านเค็งใหญ่
อ.อำนาจเจริญ จ.อุบลราชธานี
พ.ศ.2477 ย้ายไปเรียนนักธรรมบาลี ที่วัดบางกะจะ
ต.สำเภาล่ม จ.พระนครศรีอยุธยา
พ.ศ.2478 ย้ายไปอยู่ที่วัดหงส์รัตนาราม ต.วัดอรุณ
อ.บางกอกใหญ่ จ.ธนบุรี
พ.ศ.2479 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นโท และสอบได้เปรียญธรรม
3 ประโยค
พ.ศ.2481 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก ที่สำนักเรียนวัดศรีนวล
อ.เมือง จ.ขอนแก่น
๏ มาพำนักจำพรรษาที่วัดโพธิ์ศรี
อย่างไรก็ตาม เมื่อการศึกษาพระปริยัติธรรมชั้นสูงไม่สำเร็จตามความตั้งใจไว้แต่เดิม
ประจวบกับกลับมาเยี่ยม และรักษาพยาบาลโยมบิดา-โยมมารดาบังเกิดเกล้า
ท่านจึงได้มุ่งความเพียรในการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ได้นำเอาวิชาความรู้แขนงต่างๆ
ที่เคยร่ำเรียนออกมาใช้ในทางปฏิบัติ ทั้งการสอน การปกครอง การสาธารณูปการ
การเผยแผ่พระพุทธศาสนา ทั้งหมดล้วนแต่เป็นงานที่จำเป็นต้องทำและรับผิดชอบมากขึ้น
พ.ศ.2482 ได้รับมอบหมายจากพระราชสารธรรมมุนี อดีตเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น
ให้ไปอยู่ที่วัดโพธิ์ศรี บ้านท่อน ต.สำราญ อ.เมือง จ.ขอนแก่น เพื่อพัฒนาวัดโพธิ์ศรีให้เจริญรุ่งเรือง
พ.ศ.2485 ได้รับแต่งตั้งเป็นฐานานุกรมของเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น
และเป็นกรรมการตรวจสอบประโยคนักธรรมสนามหลวง
๏ งานด้านสาธารณูปการ
พ.ศ.2482-2490 บูรณะอุโบสถเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมและสร้างใหม่จนแล้วเสร็จ
สร้างกุฏิ และเสนาสนะอื่นๆ ที่วัดโพธิ์ศรี บ้านท่อน ต.สำราญ อ.เมือง จ.ขอนแก่น
พ.ศ.2494-2500 บูรณปฏิสังขรณ์วัดโพธิ์ชัย อ.ภูเวียง
สร้างกุฏิ 5 หลัง โรงเรียนพระปริยัติธรรม ศาลาการเปรียญและปรับปรุงบริเวณวัด
พ.ศ.2500 หลวงปู่ธีร์ได้มาสร้างวัดแห่งใหม่ในบริเวณป่าไม้ของชุมชนตั้งชื่อว่า
วัดภูเวียงวนาราม ต่อมา พ.ศ.2505 ได้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า วัดมิ่งเมืองพัฒนาราม
จนถึงปัจจุบัน
พ.ศ.2520 ได้รับการยกเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างจากกรมการศาสนา
ได้พัฒนาวัดสร้างถาวรวัตถุ กุฏิ อุโบสถ ศาลาการเปรียญ อาคารเรียน กำแพงวัด
และพิพิธภัณฑสถาน ตามลำดับ
๏ ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์
พ.ศ.2482-2491 เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี บ้านท่อน
อ.เมืองขอนแก่น
พ.ศ.2491-2493 เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง บ้านกงกลาง
อ.หนองเรือ
พ.ศ.2492 เป็นเจ้าคณะตำบลโนนทันเขต 2
พ.ศ.2494 เป็นพระอุปัชฌาย์ และเจ้าคณะอำเภอภูเวียง
พ.ศ.2500 เป็นเจ้าอาวาสวัดมิ่งเมืองพัฒนาราม จนถึงปัจจุบัน
พ.ศ.2540 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอภูเวียง

๏ ลำดับสมณศักดิ์
พ.ศ.2485 ได้รับแต่งตั้งพระฐานานุกรมของพระราชสารมุนี
อดีตเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น
พ.ศ.2495 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท
พ.ศ.2505 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก
พ.ศ.2512 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษ
พ.ศ.2544 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ "พระมงคลวราจารย์"
๏ การสร้างพระเครื่องวัตถุมงคล
พระเครื่องวัตถุมงคลของหลวงปู่ธีร์เป็นที่โด่งดัง
ท่านได้สร้างตะกรุด นั่งแผ่เมตตาโดยการเขียนลงยันต์ ตะกรุด ในแผ่นทอง ผ้า
แผ่นหินหรือกระเบื้อง รวมทั้งการฟั่นปลุกเสกด้ายสายสิญจน์เพื่อผูกแขนและคอ
เด็กผู้ใหญ่ทั้งหญิงและชายทุกวัย หรือนำไปติดเสาติดฝาเรือนชาน ร้านค้า รถยนต์พาหนะ
หรือฝังไว้ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อป้องกันอาถรรพ์ภูตผีปีศาจ ขณะเดียวกัน หลวงปู่ยังเสกน้ำพระพุทธมนต์มอบให้ผู้เจ็บป่วยเป็นไข้ที่มาพึ่ง
บารมีธรรมได้นำไปดื่มกินหรืออาบ เพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บ
ในยามว่างของหลวงปู่ธีร์ ท่านมักจะทุ่มเทชีวิตจิตใจทั้งชีวิตในการสะสมพระเครื่อง
ทั้งพระรุ่นเก่า พระใหม่ พระบูชา พระพุทธรูปปางต่างๆ โดยจะนั่งพินิจพิเคราะห์และเก็บสะสมไว้จนนับไม่ถ้วน
รวมไปถึงของเก่าของโบราณวัตถุต่างๆ มากมาย ที่เป็นมรดกอารยธรรมภูเวียง อาทิ
ระฆัง ฆ้อง หม้อ จาน ถ้วย โถ โอ ชาม ขันหมาก ถาด ไหดิน หิน เงินทอง สำริด
จนต้องมีการสร้างเก็บไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ในที่สุด

หลวงปู่ธีร์ได้ประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างอันดีงามแก่บรรดาคณะสงฆ์
และคณะศิษยานุศิษย์ ดังเช่น การตื่นเวลาตี 4 ทำวัตรภาวนาสาธยายพุทธมนต์ แผ่เมตตาเป็นเวลา
1 ชั่วโมง ตี 5 ตีสัญญาณระฆัง ทำวัตรร่วมกับพระภิกษุ-สามเณร ก่อนออกรับบิณฑบาต
ดังนี้แล
๏ การมรณภาพ
หลวงปู่ธีร์ เขมจารี ได้ละสังขารด้วยอาการสงบ เมื่อเวลา
24.00 น. ของวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2549 ณ โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น หลังเข้ารับการรักษาอาการโรคปอดติดเชื้อ
มาตั้งแต่ช่วงกลางปี พ.ศ.2549 วงการสงฆ์ต้องสูญเสียพระเถระรูปสำคัญผู้บำเพ็ญคุณูปการต่อชาวเมืองขอนแก่นมาอย่างยาวนาน
ด้วยความอุตสาหวิริยะ เหลือทิ้งไว้แต่ผลงานอันทรงคุณค่าที่อุทิศให้แด่พระพุทธศาสนา
เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำไว้เบื้องหลัง
ทั้งนี้ ทางวัดและคณะศิษยานุศิษย์ได้จัดงานบำเพ็ญกุศล ณ ศาลาการเปรียญวัดมิ่งเมืองพัฒนา
อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น และตั้งศพให้ญาติโยมทั่วไปได้กราบไหว้ พร้อมทั้งสวดพระอภิธรรมศพ
จนครบ 100 วัน ก่อนทำพิธีพระราชทานเพลิงศพต่อไป ทุกวันนี้แม้สังขารหลวงปู่ธีร์จะดับสูญ
แต่คุณงามความดียังคงปรากฏไพศาล
|